เทคนิคปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียง ฉบับง่ายมาก !
เทคนิคปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียง ฉบับง่ายมาก !
สำหรับใครที่เริ่มอยากทำเพาะปลูก ทำไร่ ทำสวน ปลูกพืชผักสวนครัว ไม่ว่าจะปลูกทานเองในบ้านหรือปลูกไว้ขายประกอบอาชีพ บอกเลยว่าไม่ได้เริ่มต้นยากอย่างที่คิด เพราะในปัจจุบันมีแนวทางปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ ใช้งบประมาณไม่เยอะ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อมุ่งให้เกษตกรพึ่งพาตัวเองได้ทุกสถานการณ์ ถ้าอยากรู้ว่าการปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียงต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูบทความนี้กัน !
1. เตรียมหน้าดินให้ชุ่มชื้น
สิ่งสำคัญของการปลูกพแบบเศรษฐกิจพอเพียงคือต้องลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด ซึ่งการดูแลรักษาหน้าดินให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ จะช่วยให้เกษตกรประหยัดค่าน้ำได้เยอะมาก โดยการรักษาหน้าดินทำได้ง่ายๆ เพียงพรวนดินและเปิดหน้าดินให้รับแสงแดด เพราะแสงแดดจะช่วยเติมสารอาหารให้ดินเป็นอย่างดี จากนั้นนำแกลบมาคลุมหน้าดินเอาไว้ และปลูกหญ้าแฝกไว้รอบๆ บริเวณที่ต้องการเพาะปลูก เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ในกรณีที่เพาะปลูกในกระถางต้นไม้ ให้นำทิชชู่ เสื้อไหมพรมตัวเก่า หรือแพมเพิร์สสะอาด มารองใต้กระถางเอาไว้ เพื่อให้ดินอุ้มน้ำเตรียมพร้อมสำหรับการเพาะปลูก
2. แบ่งพื้นที่เพาะปลูกใช้สูตร 30:30:30:10
เพราะการปลูกพืชแบบเศรษฐกิจพอเพียงต้องมีความคุ้มค่าสูงสุด ในพื้นที่ 1 ผืนควรใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยการแบ่งพื้นที่เพาะปลูกควรใช้สูตร 30:30:30:10 แล้วจำแนกการทำการเกษตรตามสัดส่วนที่แบ่งไว้ เช่น ทำโรงเรือนเห็ด 30%, ปลูกผักสวนครัว 30%, ปลูกผักสมุนไพร 30%, ขุดบ่อเลี้ยงปลา 10% เป็นต้น นอกจากนี้ควรผลปลูกพืชให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผักผลไม้ยืนต้น, พืชผักผลไม้ล้มลุก, พืชผักสมุนไพร ฯลฯ สูตรนี้จะช่วยให้สวนของคุณมีผลผลิตที่หลากหลาย
3. ขุดบ่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เพาะปลูก
การมีน้ำหมุนเวียนไว้ใช้เองในสวน จะช่วยให้เราประหยัดค่าต้นทุนในการเพาะปลูกได้ ซึ่งการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรกรต้องขุดบ่อน้ำ เพื่อใช้เป็นบ่อน้ำหลักสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในสวนทั้งในส่วนของการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ยังสามารถต่อท่อเพื่อให้สะดวกสบายต่อการใช้งาน โดยบ่อน้ำที่ขุดเองนี้เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลา หรือนำพืชน้ำมาปลูกได้อีกด้วย ถือเป็นการเพิ่มคุณประโยชน์ให้สวนได้อย่างหลากหลาย
4. ทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เอง
การทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้เองในสวน เป็นการช่วยประหยัดค่าซื้อปุ๋ยเคมี และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจึงควรหมักปุ๋ยอินทรีย์ไว้สำหรับเพาะปลูก โดยปุ๋ยอินทรีย์มีทั้งหมด 3 สูตร คือ ปุ๋ยพืชสดที่ย่อยสลายบนหน้าดิน ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ และปุ๋ยหมักจากซากพืชซากสัตว์ โดยปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยคอกมูลสัตว์สามารถใช้งานได้ทันที แต่ปุ๋ยหมักนี้จะต้องหมักก่อนใช้ โดยใช้สูตรมูลสัตว์ 1 ส่วน ผสมกับแกลบ ฟาง หญ้าแห้ง ใบไม้แห้งที่หาได้ง่ายตามหน้าดินอีก 1 ส่วน จากนั้นผสมรำอีก 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันและพักไว้ ต่อมานำกากน้ำตาล 40 ซี.ซี ผสมกับน้ำเปล่า 10 ลิตร และจุลินทรีย์อีก 40 ซี.ซี ผสมให้เข้ากันกับส่วนแรก ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สามารถนำไปใช้รดต้นไม้เพื่อเพาะปลูกต่อได้
5. ปลูกพืชผักตามฤดูกาลจะได้มีผลิตตลอดปี
สภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลมีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก การปลูกพืชตามเศรษฐกิจพอเพียงจึงควรปลูกพืชผักตามฤดูกาล เพื่อประหยัดค่าน้ำ ค่าปุ๋ย และเพื่อให้มีผลผลิตไว้กิน ไว้ขายตลอดปี โดยการเพาะปลูกแบบเศรษฐกิจพอเพียงแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ดังนี้
- ฤดูร้อน ควรปลูกถั่วฝักยาว, ผักกาดหอม, ข้าวโพดหวาน, มะระ, บวบ เป็นต้น
- ฤดูต้นฝน ควรปลูกกระเจี๊ยบเขียว, แตงกวา, ผักบุ้ง, มะเขือ, กวางตุ้ง เป็นต้น
- ฤดูปลายฝน ควรปลูกขึ้นฉ่าย, มะเขือเทศ, พริกหยวก, กะหล่ำปลี, หอมใหญ่ เป็นต้น
- ฤดูหนาว ควรปลูกบลอกโคลี, ถั่วพู, ผักชี, มะเขือเทศ, ตั้งโอ๋ เป็นต้น
การทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มผลิตทางการเษตรที่หลากหลายในพื้นที่สวน 1 ผืนของคุณ เพราะหลักของเศรษฐกิจพอเพียงเน้นให้คุณพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนในทุกๆ ฤดูกาล ไม่ต้องรอผลผลิตจากฤดูใดฤดูหนึ่งเท่านั้น โดยคุณสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากสวนเศรษฐกิจพอเพียงมารับประทานเองในครอบครัวได้ รวมถึงยังนำไปขายยึดถือเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริมได้อีกด้วย
ในการเริ่มต้นทำสวนปลูกพืชเศรษฐกิจพอเพียง อาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นในการลงทุน โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลมาเป็นเงินทุนเพื่อการเกษตรได้ ทั้งจากธนาคารหรือผ่านโบรกเกอร์ทางการเงินอย่าง Rabbit Care ที่มีบริการเปรียบเทียบแผนสินเชื่อ กู้ได้ง่ายด้วยขอเสนอจากหลากหลายสถาบันชั้นนำ ซึ่งจะช่วยต่อยอดการทำการเกษตรต่อไปได้อย่างยั่งยืน